วันศุกร์ที่ 19 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

ที่แบบนี้มีอยู่จริง

อันดับ 10 The Door To Hell

ประตูสู่นรก(Door to Hell) หลุมที่เต็มไปด้วยลาวาที่ไม่เคยดับมาตลอด 35 ปี และไม่สามารถคาดเดาได้ว่ามันจะดับลงเมื่อไหร่ อีกทั้งไม่มีใครกล้าลงไปสำรวจ  สถานที่นี้ตั้งอยู่ที่เมืองหนึ่งของ Darvaz ในประเทศอุซเบกิสถาน
ใครอยากเห็นมากกว่านั้นไป Google Earth ที่ 40°15′8″N 58°26′23″E
อันดับ 9 Mount Roraima
1466112365_7cdd1036d8-tm[1]
รัฐโรไรมา เป็นรัฐเหนือสุดและเป็นรัฐที่มีประชากรน้อยที่สุดในประเทศบราซิล ตั้งอยู่ในเขตลุ่มแม่น้ำอเมซอน อยู่ติดกับรัฐอามาโซนัสและรัฐปารา และยังติดกับประเทศเวเนซุเอลาและกายอานา โรไรนาเป็นสถานที่สวยงามโดดเด่น โดยเฉพาะจุดเด่นคือภูเขาเโรไรม่า ภูเขาที่เหมือนก้อนหินมหึมาที่สูงจนถึงก้อนเมฆ สูงกว่า 400 เมตร สูงชันทั้ง 4 ด้าน และติดกับสามชายแดนคือเวเนซูเอลา, บราซิล และกายอานา ที่นั้นมีพืชและสัตว์ที่แปลกประหลาดมากมาย พร้อมด้วยสภาพแวดล้อมสุดมหัศจรรย์ พร้อมหน้าตาที่สวยงามจนมันเคยปรากฏในการ์ตูนปู่ซ่าบ้าพลังมาแล้ว
อันดับ 8 Barringer Crater
800px-meteor-tm[1]
หุบอุกกาบาตบาร์ริงเกอร์ หรือบาร์ริงเกอร์ เครเตอร์ ตั้งอยู่ในรัฐแอริโซนา ทางภาคตะวันตกเฉียงใต้ของประเทศสหรัฐอเมริกา อยู่ระหว่างเมืองสโลว์กับเมืองแฟล็กสตาฟฟ์ เป็นหลุมอุกาบาตที่มีมีขนาด ความกว้าง 1250 เมตร ลึก 174 เมตร ถ้ามองจากพื้นราบทะเลทราย บริเวณรอบหลุมจะดูเหมือนเนินเตี้ยๆ จากการสำรวจโดย ซึ่งการค้นพบครั้งแรกในปี ค.ศ.1890 หลายคนยังคงเข้าใจว่าเป็นหุบภูเขาไฟธรรดา แต่ในปี ค.ศ.1890 มีการค้นพบเศษเหล็ก ในปี ค.ศ.1902 ดร. แดเนียล บาร์ริงเกอร์ ก็เข้ามาสำรวจและพบข้อเท็จจริงว่า ชั้นหินด้านตะวันออกเฉียงใต้ของหลุมสูงกว่าด้านอื่นถึง 30 เมตร ทำให้สรุปได้ว่า ลูกอุกกาบาตพุ่งชนในมุมต่ำทางทิศเหนือ และฝังตัวลงในด้านตะวันออกเฉียงใต้ จึงมีการขุดบริเวณนั้นและพบเศษนิกเกิลและเศษเหล็กมากขึ้นเมื่อขุดลึกเข้าไป วงการวิทยาศาสตร์สมัยนั้นเริ่มคล้อยตามว่าเกิดจากหลุมอุกกาบาตเมื่อ ราว50,000 ปีที่แล้ว ผลจากอุกกาบาตในครั้งนั้นทำให้เกิดหลุม กว้าง 1.2 กม.ลึก 2 กม.
อันดับ 7 The Great Dune of Pyla
pyla-tm[1]
ไม่น่าเชื่อว่ายุโรปจะมีทะเลทราย แต่นี้มันมีอยู่จริงๆ และมันได้ถูกขนามนามว่า เป็นชายหาดที่ใหญ่ที่สุดในยุโรป ที่คุณเห็นเป็นจุดดำๆ นั้นคือคนนะครับ มันมีชื่อว่าเนินทราย The Great of  Pyla  ในเมือง Arcachon… ประเทศฝรั่งเศส มียาวถึง 3 กิโลเมตร กว้างกว่า 500 เมตร สูงกว่า 100 เมตร เป็นหาดทรายขนาดใหญ่ มีความเป็นธรรมชาติ ความลึกของแม่น้ำลึกถึง 1500 เมตริก การเดินทางไปควรจะเป็นการเดินเท้าขึ้นไปเพราะมันสะดวกที่สุด หากคุณขึ้นไปถึงด้านบนคุณจะพบทัศนียภาพที่สุดแสนจะสวยงาม ส่วนสาเหตุการเกิดสถานที่แห่งนี้เนื่องมาจากจุดสถานที่นี้เป็นจุดที่ทรายจากที่ต่างๆ ถูกลมทะเลพัดโถมกันมาเรื่อยๆ จากกองเล็กๆ จนเป็นกองขนาดมหึมาแบบนี้ และมันจะค่อยๆ กินเนื้อที่เข้ามาในเมืองเรื่อยๆ ปีละ 4.5 เมตร และหากปล่อยไว้มันจะกลายเป็นเมืองแห่งทรายในที่สุด
อันดับ 6 Socotra
socotra_island-tm[1]
ไม่น่าเชื่อว่านี้คือเกาะบนโลกมนุษย์เพราะว่ามันช่างเหมือนบนดาวเคราะห์ที่มีแต่สิ่งมีชีวิตที่แปลกประหลาดจริงๆ เกาะโซโคตร้า ป็นหมู่เกาะเล็กๆภายใต้เยเมน. ที่ปลายติ่งแหลมของทวีปแอฟริกา (Horn of Africa) อยู่ในมหาสมุทรอินเดีย ห่างจากประเทศโซมาเลีย 250 กิโลเมตร เป็นเกาะใหญ่ที่สุดในจำนวน 4 เกาะสังกัดหมู่เกาะ และได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกไปเมื่อ กรกฏาคม 2008 นี้ สภาพภูมิอากาศที่ร้อนอบอ้าว และแห้งแล้ง ลักษณะภูมิประเทศที่เป็นภูเขาอันแปลกตาแปลกใจ พื้นที่ที่เต็มไปด้วยสีฟ้าและเขียวจากธรรมชาติ แต่สิ่งที่แปลกที่สุดคือมันเป็นสถานที่รวมแห่งพืชพรรณแปลกประหลาดหลายชนิด ต้นไม้รูปทรงแปลก ๆ ที่ยังมีชีวิตอยู่รอดได้อายุกว่า 20 ล้านปี การแยกโดดเดี่ยวได้นำมาให้ Socotra  กลุ่มพืชและสัตว์ หนึ่งไม่มีสองในโลก 37% ในจำนวนพืช 825 ชนิด สัตว์เลื้อยคลาน 90% และสัตว์น้ำมีเปลือกชนิดต่างๆ 95% ที่ ไม่สามารถพบเห็นในไม่ว่าสถานที่อื่นใดโลก เช่น ต้น “กุหลาบแห่งทะเลทราย (Desert Rose)”ต้น dragon’s blood (เลือดมังกร) ที่ว่ากันว่ามีสรรพคุณรักษาได้สารพัดโรค จึงไม่มีอะไรน่าแปลกใจที่เกาะแห่งนี้จะถูกขนามนามว่า “Galápagos ของมหาสมุทรอินเดีย
อันดับ 5 Greenland 83-42
610x-10-tm[1]
กรีนแลนด์ เกาะที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลกเป็นดินแดนทางเหนือสุดของโลก ตั้งอยู่ในมหาสมุทรอาร์กติกและเป็นเกาะที่ใหญ่ที่สุดในโลก มีพื้นที่ประมาณ 2,175,900 ตารางกิโลเมตร มีฐานะเป็นดินแดนปกครองตนเองของประเทศเดนมาร์ก เป็นเกาะที่มีทิวทัศน์สวยงามมากๆ และบ้านเรือนที่แปลกตาหลากสีสันและสถานที่แปลกใจนั้นคือจุด 83-42 เชื่อกันว่า northernmost จุดถวารของโลก มันเป็นพื้นที่ที่เล็กนิดเดียว แค่ 15 -4 เมตร สูง 4 เมตร ห่างจากขั้วโลกเหนือไป 400 ไมล์ ถูกค้นพบในปี 1998 และพบว่ามีพืชเติบโตอยู่ที่นั้น พื้นที่แห่งนี้เต็มไปด้วยก้อนกรวดที่ไม่มันคงและไม่ปกคลุมน้ำแข็ง จนกลายเป็นพื้นที่อัศจรรย์ในที่สุด
อันดับ 4 Rotorua New Zealand
mud-pools-tm[1]
สถานที่แห่งนี้อยู่ในเมืองโรโตรัวเมืองชายฝั่งทางตอนใต้ของทะเลสาปชื่อเดียวกันในพื้นที่ของเกาะทางเหนือของ ประเทศนิวซีแลนด์เมืองท่องเที่ยวที่เต็มไปด้วยความสนุกสนาน แหล่งรวมความอัศจรรย์ของน้ำพุร้อน ป่า ทุ่งหญ้าและทะเลสาบ อุดมสมบูรณ์ด้วยปลาเทราต์ ที่ค่อนข้างลึกลับซับซ้อนน่าค้นหา
ด้วยสภาพภูมิประเทศของเมืองตั้งอยู่ในเขตภูเขาไฟจึงมีบ่อโคลนร้อนมากมาย ทำให้เป็นที่มาของชื่อเรียกขานอีกอย่างหนึ่งของเมืองนี้ว่า ‘เมืองแห่งซัลเฟอร์’ (Sulphur City) เพราะบรรดาบ่อโคลนทั้งหลายนี้ได้ปล่อยซัลเฟอร์หรือกำมะถันออกมาฟุ้งกระจายไปทั่วเมือง นอกจากนี้ยังมีบ่อน้ำแร่ น้ำพุร้อนมากมายทำให้เมืองโรโตรัวกลายเป็นเมืองสปาธรรมชาติชั้นเยี่ยมของนิวซีแลนด์อีกด้วย
สถานที่แนะนำ Pohutu Geyser น้ำพุร้อนที่ใหญ่ที่สุดร้อนที่พุ่งขึ้นเหนือพื้นดินสูงราว 30 เมตร ประมาณ 1–2 ครั้งต่อชั่วโมง และ Waiotapu Thermal Wonderland สวนบ่อน้ำร้อนและโคลนเดือด เป็นบ่อโคลนเดือด และมีลวดลาย  มีการเคลื่อนไหว และทุกครั้งที่กดชัตเตอร์ ก็จะได้ภาพลวดลายใหม่ๆ ทุกครั้ง
อันดับ 3 Don Juan Pond
donjuanstill-0660_web-tm[1]
เป็นทะเลสาบในทวีปแอนตาร์กติกาที่มีความเค็มถึง 40% มีความเค็มเทียบเท่า Dead Sen ตั้งชื่อตามคนค้นพบซึ่งเป็นสองนักบินคือ Lt Don Roe และ Lt John Hi ในปี 1961 เป็นทะเลสาบขนาดเล็กเพียง 100 เมตร และลึกประมาณ 0.1 เมตร ซึ่งตื้นมากๆ อุณหภูมิน้ำติดลบ 22 องศาฟาเรนไฮด์ แต่น้ำยังอยู่สถาวะของเหลว
อันดับ 2 Iceberg B-15
iceberg-1-tm[1]
ภูเขาน้ำแข็งที่ถูกบันทึกว่าใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยบันทึกมา มันมีพื้นที่ 3,100 ตร.กม ทำให้มันมีขนาดใหญ่กว่าเกาะจาเมกา เป็นภูเขาน้ำแข็งที่แตกหักออกมาจากแผ่นน้ำแข็ง Ross ในทวีปแอนตาร์กติกาในปี 2000 ภูเขาน้ำแข็งขนาดยักษ์นี้อยู่นอกชายฝั่งทวีปแอนตาร์กติกา ลอยอยู่ในมหาสมุทรท่ามกลางคลื่นและลมไม่มีท่าทีว่ามันจะละลายหายไปเลย
อันดับ 1 Guaíra Falls
guaicc81ra-falls-tm[1]
น้ำตกอีกวาซู (Iguazu Falls) คำว่าอีกวาซู แปลว่า “สายน้ำอันยิ่งใหญ่” เป็นคำมาจากภาษากวารานี (Guarani)ชาวอินเดียนแดงเผ่าดั้งเดิม น้ำตกอีกวาซูตั้งอยู่บริเวณรอยต่อพรมแดนระหว่างประเทศบราซิลกับประเทศอาร์เจนตินา เป็นน้ำตกที่ใหญ่ที่สุดในทวีปอเมริกาใต้ และขึ้นชื่อว่าใหญ่ที่สุดในโลกโดยใหญ่กว่าน้ำตกไนแอการาประมาณ 30 เท่า อย่างไรก็ตามขนาดของน้ำตกใกล้เคียงกับน้ำตกวิกตอเรียในทวีปแอฟริกา น้ำตกอีกวาซูเกิดจากแม่น้ำอีกวาซูซึ่งไหลมาจากที่ราบ สูงปารานา ตกจากขอบที่ราบสูงขนาดใหญ่ลงสู่พื้นที่ราบต่ำกว่า จึงกลายเป็นน้ำตกขนาดใหญ่เป็นแนวยาวกว่า 4 กิโลเมตร สูงกว่า 269 ฟุต ประกอบด้วยน้ำตกน้อยใหญ่อีก 275 แห่ง ในช่วงฤดูฝนระหว่างเดือนพฤศจิกายนจนถึงเดือนมีนาคมปริมาณน้ำมีมากถึงกว่า 13.6 ล้านลิตรต่อวินาที แต่ในช่วงฤดูร้อน คือระหว่างเมษายนถึงเดือนตุลาคม ปริมาณน้ำจะลดลงเหลือ 2.3 ล้านลิตรต่อวินาที บริเวณรอบ ๆ น้ำตกจะเกิดละอองน้ำอยู่ตลอดเวลาและมีเสียงดังไปไกลก ว่า 24 กิโลเมตร บนฝั่งประเทศบราซิลจะมองเห็นน้ำตกได้ทั่วถึงและงดงาม แต่ทางฝั่งประเทศอาร์เจนตินาสามารถเข้าชมน้ำตกได้ใกล้กว่า


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น